จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2562

หมดปัญหา “เล็บขบ” กวนใจ แก้ปัญหาด้วยตัวเองได้ง่ายๆ แค่พริบตาเดียว!

หมดปัญหา “เล็บขบ” กวนใจ แก้ปัญหาด้วยตัวเองได้ง่ายๆ แค่พริบตาเดียว!


ใครไม่เคยเป็น “เล็บขบ” ไม่รู้หรอกว่ามันทรมานขนาดไหน จะย่างกรายไปทางไหนก็แสนจะเจ็บปวด ยิ่งหนองแตกยิ่งปวดหนักเป็นสองเท่า บางคนเป็นหนัก ๆ ถึงกับต้องถอดเล็บ โอ้ย…แค่คิดก็ทรมานแล้ว ใครที่เป็นเล็บขบอยู่ต้องหาวิธีรักษาแล้วล่ะค่ะ ส่วนใครที่ไม่อยากเป็นเล็บขบ ต้องอ่าน !

เล็บขบเกิดจากอะไร
ใคร ๆ ก็รู้ใช่ไหมว่า “เล็บ” มีหน้าที่ป้องกันอันตรายให้นิ้ว และส่วนนี้จะไม่มีเส้นประสาทอยู่ ทำให้เราไม่รู้สึกเจ็บปวดเมื่อเกิดโรคขึ้นกับเล็บ แต่ถ้าเกิดโรคนั้นกินเข้าไปถึงผิวหนังแล้วล่ะก็ “เล็บ” ก็สร้างความปวดร้าวให้เจ้าของเล็บสุด ๆ เลยล่ะ
โดยเฉพาะ “เล็บขบ” (Unguis Incarnatus) โรคเล็บที่เกิดขึ้นได้บ่อยมาก ๆ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิด “เล็บขบ” ได้ก็คือ
1. การใส่รองเท้าที่บีบมากเกินไป เพราะจะทำให้เนื้อที่อยู่ด้านข้างของเล็บถูกบีบเข้ามา เล็บก็เลยไปกดเนื้อด้านข้าง เมื่อเล็บงอกมันก็จะงอกลึกลงไปในเนื้อ ทำให้รู้สึกเจ็บปวด นอกจากนี้ การใส่รองเท้าส้นสูงเกินไป ปลายเท้าแหลมเกินไป ก็ทำให้เท้าถูกบีบจนเล็บงอกตามปกติไม่ได้ ต้องกินเข้าไปในเนื้อ
2. การตัดเล็บไม่ถูกวิธี หลายคนตัดเล็บด้านข้างเป็นมุมแหลมชิดเนื้อ หรือลึกเกินไปนั่นเอง ทำให้เล็บงอกใหม่ไปทิ่มที่ซอกเล็บ จนเกิดแผลและมีอาการปวดตามมา หรือบางคนชอบแต่งเล็บให้โค้งเข้าในซอกเล็บมากเกินไป และชอบแคะ ขูด งัดซอกเล็บบ่อย ๆ
3. การติดเชื้อราที่เล็บ
4. อุบัติเหตุ เช่น ปลายนิ้วเท้าชอบไปชนอะไรบ่อย ๆ ทำให้เล็บฉีกขาดแทงเข้าไปในซอกเล็บได้ หรือการเล่นกีฬา เช่น เทนนิส แบดมินตัน ฟุตบอล บาสเกตบอล ซึ่งทำให้กระดูกนิ้วทำงานหนัก
5. การมีเล็บเท้าที่กว้างกว่าปกติ หรือเกิดจากการที่นิ้วเท้ามาซ้อนเกย หรือเบียดกัน
และวันนี้จะพาไปดูวิธีการเอาเล็บขบออก โดยการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์คล้ายๆ มีด หรือว่า สิ่วเจาะ ต้องบอกเลยว่าแค่พริบตาเดียวก็เอาเล็บขบออกได้แล้ว จะเป็นยังไงนั้นตามไปดูกันเลย
คลิป
เป็นยังไงกันบ้าง เอาออกง่ายมากๆเลยใช่ไหม ใช้เวลาแค่นิดเดียวก็สามารถเอาเจ้าเล็บขบที่ทำให้คุณปวดแทบจะเดินไม่ได้นั้นออก เป็นวิธีที่ง่ายและเจ๋งมากๆ โดยไม่ต้องถอดเล็บให้เจ็บปวดอีกต่อไป เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เล็บขบหายแน่นอน100%
ที่มา คิดได้ไง
ขอบคุณบทความ จาก http://สาระน่ารู้.com/สุขภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น